“ทำฉลากสินค้ายังไงดี ให้ลูกค้าสนใจแบรนด์ของเรา?” คงเป็นโจทย์มหาโหดที่ทำให้เจ้าของแบรนด์มือใหม่หลายคนเกือบจะถอดใจกันเลยทีเดียว เพราะถึงแม้จะสร้างตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity) ไว้ครบถ้วนแล้ว แต่พอถึงเวลาออกแบบสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าก็กลับไม่มีไอเดียซะงั้น
911 Print จะมาช่วยแชร์ไอเดียทำฉลากสินค้า ให้เจ้าของแบรนด์ได้นำไปเป็นแรงบันดาลใจในการทำแบบฉลากสินค้าของตัวเองต่อไป และพอออกแบบได้ถูกใจแล้ว ก็เข้ามาใช้บริการรับพิมพ์ฉลากสินค้ากับเราได้ทันที
มีไอเดียทําฉลากสินค้าแบบไหนที่น่าสนใจ น่าลองทำบ้าง? มาดูกันเลย
ทำไมต้องออกแบบฉลากสินค้า แค่มีโลโก้ไม่พอหรอ?
โลโก้นั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ แต่ในการทำสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชื่อสินค้า ดีไซน์ฟอนต์ หรือข้อมูลจำเฉพาะต่างๆ ซึ่งทั้งหมดจะทำให้ “ภาพรวม” ของฉลากสินค้าโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมาได้นั่นเอง นอกจากนี้ การสร้าง First Impression หรือ ความประทับใจแรกแก่ลูกค้า ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กระตุ้นการตัดสินใจซื้ออีกด้วย
พูดได้ง่ายๆ ว่า การวางไอเดียทำฉลากสินค้าที่เหมาะสม โดดเด่น และดึงดูดใจผู้บริโภคสามารถเป็นตัวตัดสินยอดขายในระยะยาวของแบรนด์ได้เลย
1. ฉลากสีขาวทอง เพิ่มความหรูหราให้ดูแพงขั้นสุด
เชื่อว่าแบรนด์ลักชัวรี่ (Luxury) ที่จำหน่ายสินค้าแบบหรูหรา ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดการออกแบบอย่างมาก ในการทำฉลากสินค้าก็เช่นกัน เพราะจำเป็นต้องสื่อสารอย่างชัดเจนและให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคทั่วไปรับรู้ว่าแบรนด์ของเราคือแบรนด์หรูระดับ High End
หนึ่งในดีไซน์สติ๊กเกอร์สินค้าที่สามารถแสดงให้เห็นความหรูหราได้ง่ายๆ ก็คงหนีไม่พ้นการเลือกใช้ “สีทอง” เพื่อเพิ่มความทันสมัย โดยแบรนด์อาจใช้สีขาวเป็นพื้นหลังและใช้สีทองเพื่อตกแต่งตัวหนังสือ หรือใช้สร้างลวดลายต่างๆ บนฉลาก เป็นการสร้างความหรูหราในสายตาลูกค้าได้ไม่ยาก หรืออาจจะใช้สีดำเป็นสีพื้นหลังแทน ก็สามารถเพิ่มเสน่ห์และชวนให้หลงใหลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่แบรนด์หรูเท่านั้นที่สามารถทำฉลากสินค้าแบบนี้ได้ ธุรกิจ SME ที่กำลังผลิตสินค้าใหม่ขึ้นมา และอยากโปรโมตสินค้าตัวนั้นๆ ให้ดูเลิศ ดูแพง ก็สามารถนำไอเดียทําฉลากสินค้านี้ไปปรับใช้ได้เหมือนกัน
2. สร้างสติ๊กเกอร์สีสันแปลกตาด้วยเทคนิค Color Blocking
วิธีที่จะทำให้สินค้ามีความโดดเด่นแบบสะดุดตา คือการใช้สีสันที่ฉูดฉาด ดูสนุก ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ก็จะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ดี แต่เมื่อหลายๆ แบรนด์ใช้ดีไซน์นี้ไปแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่เจ้าของแบรนด์มือใหม่จะสร้างเอกลักษณ์ให้สินค้าตัวเองเพื่อไม่ให้ซ้ำกับใคร แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะยังมีเทคนิคการทำ Color Blocking ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
การออกแบบในสไตล์ Color Blocking คือ การใช้สีสองสีที่มีขั้วตรงกันข้ามในงานออกแบบ เพื่อให้เกิด “การตัดกันของสี” ทำให้ฉลากสินค้าดูโดดเด่นและแปลกตาขึ้นได้ โดยอาจจะมีการ ตัดขอบของสีที่เลือกใช้ โดยใช้กริด (Grid) และเส้น (Line) ตัดกัน หรือใช้รอยหยักเพื่อให้เห็นความต่างอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ การทำฉลากสินค้าในสไตล์นี้ยังเหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ วัยรุ่น หรือวัยทำงาน ก็ล้วนต้องถูกดึงดูดด้วยสีสันที่ตัดกันทั้งนั้น แม้ลูกค้าจะไม่ซื้อแต่ก็รับรองว่าต้องจำสินค้าได้ขึ้นใจแน่นอน
3. สติ๊กเกอร์ผิวด้าน ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงสัมผัสกับฉลากสินค้าที่เป็น “พลาสติกผิวมัน” จนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว เพราะเป็นวัสดุที่มีความทนทานต่อการฉีกขาด ทนร้อนและยังกันน้ำอีกด้วย แต่ครั้นจะทำฉลากสินค้าด้วยพลาสติกผิวมันวาวก็อาจจะดูซ้ำกับแบรนด์อื่นๆ ดังนั้นเจ้าของแบรนด์ที่อยากสร้างความแตกต่างให้สินค้าตัวเอง ลองเปลี่ยนมาใช้งานสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าแบบ “ผิวด้าน” กันดีกว่า
สติ๊กเกอร์ผิวด้านนั้นจะมีคุณสมบัติคล้ายกับสติ๊กเกอร์ PP ผิวมันทั่วไป คือ ทนต่อการฉีกขาด กันน้ำ และทนความร้อน ซึ่งลักษณะของผิวที่ด้านจะให้สัมผัสแตกต่างออกไป แม้จะเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จะสร้างการจดจำแบรนด์ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกอย่างยังทำให้ทั้งเจ้าของและผู้บริโภคไม่รู้สึกเบื่อหน่ายอีกด้วย
4. มอบความคลาสสิกตลอดกาล ด้วยสติ๊กเกอร์กระดาษคราฟ
ใครที่เป็นสายวินเทจ ชอบงานดีไซน์ หรือสินค้าที่มีความคลาสสิกในตัว การใช้กระดาษคราฟมาเป็นวัสดุในการพิมพ์ฉลากสินค้านั้นคือทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวสุดๆ สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคย กระดาษคราฟ หรือ Kraft Paper เป็นกระดาษที่มีความเหนียว มีลักษณะผิวด้าน สีน้ำตาลหรือสีครีม ซึ่งผลิตมาจากการแปรสภาพจากเนื้อไม้มาเป็นเยื่อกระดาษไม้ ทำให้ได้กระดาษที่มีความแข็งแรง คงทน และมีความเหนียวสูง ความเป็นเนื้อไม้นั้นให้อารมณ์การดีไซน์ที่มีความย้อนยุค มีความคลาสสิก อีกทั้งสามารถใช้ลวดลายแบบ Old-School เข้ามาใช้ได้ อาทิ ลายเส้นดอกไม้ หรือฟอนต์เก๋ๆ นอกจากนี้ กระดาษคราฟยังเข้าได้ดีกับโทนสีได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีขาว แดง เหลือง ดำ หรือสีอื่นๆ
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงคือ การออกแบบสไตล์นี้ควรควบคู่ไปกับการเลือกบรรจุภัณฑ์ด้วย เช่น การเลือกพื้นผิวสัมผัส หรือรูปทรงบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น เพื่อให้เชื่อมโยงกันทั้งในส่วนของฉลากและบรรจุภัณฑ์เพื่องานที่ออกแบบมาจะได้มีความลงตัวและไม่ขัดแย้งกันมากจนเกินไปนั่นเอง รับรองว่าการออกแบบสไตล์นี้ต้องโดนใจลูกค้าหลายๆ คน จนทนไม่ไหวต้องซื้อสินค้าในที่สุด
5. สติ๊กเกอร์ใสๆ ถูกใจสายมินิมอล
หากแบรนด์ไหนที่จำหน่ายสินค้าในบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะใส เช่น กล่องขนม กล่องเบเกอรี่ หรือขวดเครื่องดื่ม บางครั้งการติดสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าก็อาจทำให้ตัวสินค้าดูไม่น่าสนใจ หรือบดบังสินค้าในผลิตภัณฑ์ได้ ใครที่มีปัญหานี้ ขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนมาใช้งาน “สติ๊กเกอร์ใส” แทน
อย่างที่รู้กันอยู่แล้ว สติ๊กเกอร์ใสนั้นจะไม่มีสีเป็นพื้นหลัง สามารถมองทะลุเข้าไปในบรรจุภัณฑ์ได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้บริโภคที่ต้องการดูสินค้าภายในก่อนเลือกซื้อ หรือหากเป็นสินค้าที่มีสีฉูดฉาดอย่างน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม สติ๊กเกอร์ก็จะไม่บดบังจุดเด่นของสินค้านั่นเอง
โดยส่วนมาก การออกแบบฉลากที่เป็นสติ๊กเกอร์ใสนั้นจะอาศัยการเขียนตัวหนังสือแทนการวางรูปหรือโลโก้ เช่น เขียนชื่อสินค้าหรือชื่อแบรนด์อยู่กลางฉลาก ตามด้วยข้อมูลต่างๆ โดยใช้สีดำ ส่วนโลโก้หรือข้อมูลอื่นๆ อาจจะถูกวางไว้ในส่วนที่ไม่บังสินค้า หรืออาจจะเป็นการติด QR Code แทน ให้ความเป็นมินิมอลสุดๆ ไปเลยทีเดียว หากแบรนด์ไหนที่ต้องการออกแบบสินค้าให้มีความ “น้อยแต่มาก” ก็ขอแนะนำให้ลองเก็บไอเดียทําฉลากสินค้าด้วยสติ๊กเกอร์ใสไว้พิจารณา รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
จบไปแล้วกับทั้ง 5 ไอเดียสำหรับการทำทำฉลากสินค้าที่ได้นำมาฝากกันในบทความนี้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเจ้าของแบรนด์ต้องการไอเดียหรือดีไซน์ใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกับคนอื่น ก็สามารถนำไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้ได้เลย
ส่วนเจ้าของธุรกิจท่านใดที่ยังไม่มีไอเดียหรือกำลังมองหาบริการรับทำฉลากสินค้าและรับพิมพ์สติ๊กเกอร์ราคาถูก พวกเรา 911 Print ก็พร้อมให้บริการออกแบบและพิมพ์ฉลากสินค้าคุณภาพสูงผ่านระบบ Inkjet และ Digital ทั้งมีทีมกราฟิกดีไซเนอร์มากประสบการณ์พร้อมให้คำแนะนำและออกแบบฉลากสินค้า ให้บริการในราคาที่คุ้มค่า ได้งานไว คุณภาพเยี่ยม ติดต่อพวกเราได้เลยทันที
ติดต่อ 911 Print ได้ที่
โทร.: 061-5678-911
LINE: https://lin.ee/5Vbk42v
อีเมล: design@911print.co.th
