ติดต่อเรา
061 567 8911
/
/
จดก่อนลืม! 5 เรื่องเกี่ยวกับแบรนด์ต้องคำนึงก่อนทำฉลากสินค้า
911 Print SEO AUG C02 1 1

การมีธุรกิจเป็นของตัวเอง คือหนึ่งในความฝันของใครหลายๆ คนในยุคปัจจุบัน เพราะการจะเริ่มต้นขายสินค้าหรือบริการนั้นสามารถทำได้ง่ายมากขึ้น เพียงแค่สร้าง “แบรนด์” หรือตัวตนให้กับธุรกิจก็เพียงพอที่จะเริ่มต้นได้แล้ว แต่ก่อนที่จะเริ่มสร้างตัวตนและนำชื่อแบรนด์ไปทำฉลากสินค้า มีสิ่งใดบ้างที่ผู้ประกอบการทุกท่านควรทราบ?

5 สิ่งที่ควรคำนึงก่อนทำฉลากสินค้า จดไว้อย่าให้ลืม!

911 Print จะมาบอกคุณผู้อ่านเกี่ยวกับ 5 เรื่องของแบรนด์ที่ผู้ประกอบการต้องจดเอาไว้ให้แม่น ก่อนเริ่มทำฉลากสินค้าด้วยตนเอง เพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

1. แบรนด์เป็นอะไรได้บ้าง

เมื่อลองมองในทางทฤษฎี “แบรนด์ (Brand)” คือตัวตนที่ถูกออกแบบหรือสร้างขึ้นให้เกิดเป็นสัญลักษณ์ เพื่อสื่อสารถึงเรื่องราวและเอกลักษณ์ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พูดง่ายๆ ว่าเป็นการกำหนดความเป็นตัวตนให้กับสินค้านั่นเอง โดยแต่ละธุรกิจก็สร้างแบรนด์โดยการผูกไอเดียไว้กับสิ่งที่ทำให้เป็น “รูปธรรม” เช่น

  • โลโก้ (Logo) – คือสิ่งแรกที่ผู้บริโภคมักนึกถึงเมื่อพูดถึงชื่อแบรนด์หรือสินค้าต่างๆ และแน่นอนว่าการสร้างแบรนด์ที่ดีคือการทำให้คนสามารถเชื่อมโยงโลโก้กับแบรนด์ได้ อาทิ เมื่อพูดถึงร้านสะดวกซื้อ ในความคิดของใครหลายๆ คนก็คงจะมีชื่อ “เซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven)” ผุดขึ้นมาโดยแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย
  • หน้าตาผลิตภัณฑ์ (Package) – นอกจากจะมีไว้สำหรับป้องกันสินค้าที่อยู่ข้างในแล้ว ผลิตภัณฑ์ก็มีความสำคัญที่หน้าตาด้วย ในทุกวันนี้ที่มีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา การนำเอกลักษณ์ของแบรนด์มาไว้บนผลิตภัณฑ์จึงสามารถสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำ พรีเซนเตอร์ สโลแกน หรือคุณสมบัติพิเศษของสินค้ามาติดบนผลิตภัณฑ์ ก็จะสามารถสร้างความโดดเด่นได้นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น เซรั่มบำรุงใบหน้าที่มีดาราหรือนักแสดงอยู่บนผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ก็จะเป็นที่สะดุดตาผู้บริโภคได้
  • ทำฉลากสินค้าหรือสติ๊กเกอร์สินค้า – หากธุรกิจได้มีการพัฒนาสินค้าที่หลากหลายหรือทำไลน์สินค้าใหม่ๆ ออกมา การทำสติ๊กเกอร์แบรนด์ตัวเองเอาไว้ก็จะช่วยให้นำ “ตัวตน” ของธุรกิจไปติดบนสินค้าได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจที่เลือกซื้อสินค้าไวท์ เลเบล (White Label) หรือ สินค้าทีไม่มีฉลากมาจำหน่ายต่อนั่นเอง

ทั้งนี้ก็ไม่ใช่เพียงองค์ประกอบที่กล่าวข้างต้นเท่านั้นที่หมายถึงความเป็น “แบรนด์” แต่ยังรวมไปถึงการโฆษณา พนักงาน หน้าร้าน บริการหลังการขาย ฯลฯ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนของธุรกิจออกมาได้ทั้งสิ้น ฉะนั้นการสร้างแบรนด์ไม่ได้จบแค่การทำฉลากสินค้า แต่เจ้าของแบรนด์ทุกท่านต้องคำนึกถึงสิ่งอื่นๆ ที่ล้อมรอบแบรนด์ด้วย

2. มุมมองของลูกค้านั้นสำคัญไฉน

ธุรกิจนั้นต้องการทำกำไรซึ่งจะขาดลูกค้าไปไม่ได้ มุมมองของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะแม้ตัวผู้ดำเนินธุรกิจจะมองเห็นว่าแบรนด์นั้นดี มีประโยชน์ และมีคุณภาพยอดเยี่ยมแล้ว แต่หากลูกค้าไม่ได้มีความคิดเหมือนกัน ธุรกิจก็ไม่สามารถเติบโตได้

911 Print SEO AUG C02 2 1

ดังนั้นเจ้าของแบรนด์ต้องมองในมุมของลูกค้าว่า มีความสนใจด้านไหน? มีทัศนคติอย่างไร? มีปัญหาอะไรที่ต้องได้รับการแก้ไข? โดยการที่จะหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ ก็ต้องสังเกตที่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ว่าเป็นใครนั่นเอง เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือฉลากสินค้าที่ดึงดูดผู้คนได้อย่างตรงจุด

3. ลิขสิทธิ์ ต้องศึกษาให้ถี่ถ้วน

ชื่อแบรนด์ไม่ได้เป็นงานที่มีลิขสิทธิ์ นั่นหมายความว่าอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำชื่อของแบรนด์ไปกระทำในทางผิดกฎหมายได้ ซึ่งชื่อของแบรนด์จะได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายก็ต่อเมื่อได้ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้วเท่านั้น หรือที่หลายคนมักเห็นเป็นสัญลักษณ์รูป ® หรือก็คือ Registered Trademark ซึ่งเจ้าของกิจการสามารถยื่นจดทะเบียนด้วยตัวเองที่สำนักงานกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้

นอกจากนั้นแล้ว เครื่องหมายการค้าหรือโลโก้แบรนด์ก็มีโอกาสที่จะซ้ำหรือมีความใกล้เคียงกันได้ ถ้าทำฉลากสินค้าออกมาคล้ายกับของคนอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้ว จะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของคนๆ นั้น และการแก้ไขเล็กๆ น้อยๆ เช่น การปรับเปลี่ยน ตัด หรือเพิ่มตัวอักษร ก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงการละเมิดได้ เจ้าของธุรกิจจึงควรศึกษาแบรนด์อื่นๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนเริ่มทำสติ๊กเกอร์แบรนด์ตัวเองหรือลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน เพื่อไม่ให้แบรนด์ต้องสะดุดหรือก้าวไปข้างหลัง

4. ฉลากสินค้ากับพ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค

กฎหมายอีกหนึ่งด้านที่ธุรกิจต้องศึกษาก็คือ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค โดย พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 กำหนดว่า “ฉลาก” หมายถึง รูป รอยประดิษฐ์ กระดาษหรือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ปรากฏข้อความเกี่ยวกับสินค้า ซึ่งแสดงไว้ที่สินค้า ภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อบรรจุสินค้าที่สอดแทรกหรือรวมไว้กับสินค้า และรวมถึงเอกสารหรือคู่มือสำหรับใช้ประกอบสินค้า ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่สินค้าหรือภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุสินค้านั้นด้วย

ดังนั้นสำหรับพ.ร.บ ดังกล่าว การทำฉลากสินค้าที่ดีควรมีรายละเอียดหรือข้อความระบุ ดังนี้

  • ยี่ห้อและประเภทหรือชนิดของสินค้า
  • ชื่อ-ที่อยู่ของผู้จัดจำหน่ายหรือผู้นำเข้าที่สามารถติดต่อได้จริง
  • ระบุประเทศที่ผลิตในกรณีเป็นสินค้าที่สั่งหรือนำเข้ามา
  • ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
  • ขนาด มิติ ปริมาณ ปริมาตร น้ำหนัก
  • วิธีใช้ ข้อแนะนำในการใช้ ข้อห้าม หรือคำเตือน (ถ้ามี)
  • วันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุ หรือวันที่ควรใช้ก่อน
  • ราคา พร้อมระบุหน่วยเป็นบาท

5. ฉลากสินค้าสะท้อนตัวตนแบรนด์

สมมุติว่า มีแบรนด์ที่ทำฉลากสินค้าออกมาได้คมชัดสวยงามและมีรายละเอียดครบถ้วน กับ แบรนด์ที่มีแค่โลโก้ที่พิมพ์ออกมาไม่ชัดเจน คุณจะเลือกเจ้าไหน? คำตอบคงเป็นแบรนด์แรกอย่างไม่ต้องสงสัย ตัวฉลากสินค้าเองก็เป็นหนึ่งในตัวตนของแบรนด์ที่ต้องเอาใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นตัวแปรหลักที่จะทำให้ลูกค้า “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” สินค้านั้นๆ เลยทีเดียว

911 Print SEO AUG C02 3 1ถ้าอยากให้แน่ใจได้ว่าลูกค้าจะหันมาสนใจสินค้าของเรา ก็ต้องใส่ใจใน “คุณภาพ” ของฉลาก โดยเฉพาะผู้ให้บริการรับพิมพ์ฉลากสินค้า ที่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์และผลงานรองรับ อีกทั้งให้คำปรึกษาในการออกแบบหรือการเลือกใช้วัสดุได้อย่างเหมาะสม เพื่อยกระดับคุณภาพ เพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์ในสายตาผู้บริโภคด้วยนั่นเอง

911 Print

เราคือผู้ให้บริการงานพิมพ์ออนไลน์ ออกแบบสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า, พิมพ์ฉลากสินค้า, สกรีนแก้วกาแฟ, นามบัตร, บัตรสะสม, เมนูอาหาร,โบรชัวร์ ด้วยเครื่องพิมพ์และวัสดุจากแบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพ ให้ความสะดวก และที่สำคัญรวดเร็วแก่ลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ให้แก่ธุรกิจ SME, ร้านกาแฟ, ธุรกิจเครื่องสำอาง, พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์

ความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

ค้นหา

ข่าวสารล่าสุด